3 สิงหาคม 2552

ระดมใจไป "สมาคมรวมปัญญาคนพิการ"

หลังจากที่เตรียมการกันมา 2-3 เดือน กิจกรรมการทำบุญเลี้ยงอาหารกลางวันที่ "สมาคมรวมปัญญาคนพิการ" ก็มาถึง ในวันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2552

การเดินทางอาจจะไกลสักหน่อย ถึงแม้จะไม่คุ้นทางแถบนั้นเลยแต่ก็อาศัยเจ้าจีพีเอสในมือถือพาไปจนถึงที่หมายจนได้



ปากซอยทางเข้า อบต.บางบัวทอง 29 (ซอยมิตรอารีย์ 2)


สังเกตสภาพป้ายอยู่ในสภาพตามมีตามเกิด

เราไปถึงสมาคมฯ เวลา 10.30 น. ตามที่ "กิ้ม บางบอน" นัดกับทางเจ้าหน้าที่ไว้ ประตูรั้วสมาคมยังไม่เปิด มีป้ายบอกไว้ว่าให้กดแตรรถยนต์หรือสั่นระฆังเรียก เราจึงกดแตรรถยนต์แล้วเจ้าหน้าที่ก็มาเปิดประตูให้นำรถเข้าไปจอดด้านใน


ประตูหน้าสมาคม

มองจากประตูหน้าสมาคมตรงทางเข้า จะเห็นมี 2 ตึก ชื่ออาคาร "รวมพร" และอาคาร "รวมใจ" ซึ่งเป็นตึกที่ใช้เลี้ยงอาหารกลางวัน ด้านขวามือจะเป็นออฟฟิศหรือตัวสำนักงาน เจ้าหน้าที่หรือคุณเล็กบอกให้เราเข้าไปนั่งรอที่สำนักงานก่อน เพราะด้านนอกอาคารแดดร้อนมาก


รูปปั้นผู้ก่อตั้งสมาคมรวมปัญญาคนพิการ


สภาพภายในสำนักงาน


ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ แต่คนทำงานที่นี่มีจิตใจไม่เล็กเลยสักนิด

เราเดินสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง "Hui" ก็ขับ Accord สีดำคันงามตามมา เราเลยไปขยับรถให้จอดด้านในได้อีกคัน แล้วก็เข้าไปนั่งรอในออฟฟิศ คุณเล็กมาบอกว่าอาหารพร้อมแล้ว แต่เราบอกว่าขอรอเพื่อนๆ ให้มากันครบก่อน อีกครู่หนึ่ง "อุ๊" ก็ตามมาติดๆ ต่อด้วย "นพ ดาวคนอง" กะ "น้องนก" ศรีภรรยาคู่ปาท่องโก๋ "กิ้ม บางบอน" กับครอบครัว และ "นัท ทุ่งครุ" ก็ยกก๊วนตามมาทั้งอาเฮีย ลูกชาย และอาเจ็ก (น้องสามี)


ปฏิบัติการรวบรวมเงินตามที่แจ้งบริจาคไว้

งานนี้ท่านกิ้มเตรียมเศษสตางค์มาพร้อมทอนให้เพื่อนๆ ด้วย แบบว่าบาทเป็นบาท ห้ามขาดห้ามเกิน จนบางคนอดถามไม่ได้ว่า ถือเคล็ดอะไรรึเปล่าหนอ ....สรุปแล้วพวกเราทำได้ครบตามเป้า 99 กองนะจ๊ะ...จะบอกให้

เจ้าหน้าที่เริ่มมาตามอีกรอบ เพราะใกล้เวลา 11 โมงแล้ว เด็กบางคนเริ่มจะงอแงเพราะหิว พวกเราเลยต้องรีบเคลื่อนทัพไปที่อาคารรวมใจ ปรากฏว่า "น้องๆ" ของเรานั่งรอกันอยู่แล้ว อาหารกลางวันมื้อนี้เป็นเย็นตาโฟ ใส่ข้าวโพด แมงกะพรุน ปลาหมึกแช่ แล้วก็มีขนมจีบหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ โดยรวมแล้วหน้าตาอาจจะดูไม่ค่อยน่ากินนัก แต่คิดว่ามีสารอาหารครบถ้วนค่ะ


สภาพผู้พิการซ้ำซ้อนที่นั่งรออาหารกลางวัน


เจ้าหน้าที่ทยอยตักอาหาร


จะมีใครจะเข้าใจสภาพนี้บ้างหนอ?


ก้มหน้าก้มตากินอาหารที่พวกเราจัดเลี้ยง


น้องคนนี้ เจ้าหน้าที่บอกว่าชอบทำร้ายตัวเอง


คนที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เจ้าหน้าที่จะคอยดูแลป้อนอาหารให้


นพ ดาวคนอง กับท่าป้อนข้าวให้น้องคนนี้ที่ไปดึงๆ ลากๆ นพมาป้อนให้


ส่วนหนุ่มช่างพูดคนนี้ บอกว่าอยากถ่ายรูป พร้อมโพสต์ท่าให้ตากล้อง


น้องคนนี้ก็เลยขอถ่ายบ้าง พร้อมทำท่าหล่อประกอบด้วยจ้ะ


ครอบครัว ส.พ.ช.14 กำลังเฝ้ามองและพูดคุยถึงเด็กๆ เหล่านี้


สาว "ต๊ะ" คนนี้ เธอบอกเราว่าถูกยุงกัดที่แขนเจ็บไปหมด

ระหว่างมื้ออาหาร เราก็เข้าไปสอบถามพูดคุยกับเด็กๆ หรือผู้ใหญ่ที่มีอายุสมองเหมือนเด็ก แม้จะรู้สึก "ตื้อ" กับสภาพความพิการซ้ำซ้อนของคนที่นี่ แต่ก็พยายามที่จะไม่แสดงอาการให้เขาเหล่านี้ได้เห็น เพราะเขาคงต้องการคนพูดคุยด้วย การแสดงความเอื้ออาทรต่อเขามากกว่าจะต้องการเห็นคนมาเยี่ยมเศร้าซึมหรือเฝ้ามองเขาด้วยความรู้สึกต่างๆ
เห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่ดูแลคนที่นี่ จะต้องมีจิตใจเมตตามากๆ
เพราะขนาดของวัยที่แตกต่างกันตั้งแต่ 9 ขวบจนถึง 50 ปีเศษ
บางคนมีความพิการซ้ำซ้อนทั้งร่างกายและสติปัญญา เด็กบางคนชอบที่จะทำร้ายตัวเอง
คุณเล็กเล่าว่า เมื่อวานก็เพิ่งจะพาไปเย็บคางมาหลายเข็ม บางคนอย่าง "ต๊ะ"
ซึ่งน่าจะอายุราว 4-50 ปี ดูแล้วก็เหมือนคนปกติทั่วๆ ไป
คุณเล็กบอกว่ายังพอใช้ให้ช่วยทำความสะอาดอะไรได้บ้าง
แต่สมองก็อาจจะไม่ได้โตตามอายุนัก เมื่อเราถามต๊ะว่า อายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ
ต๊ะก็ตอบอย่างภาคภูมิว่า "เกิดปีมะโรง" เราก็เลยได้แต่ยิ้มให้ ไม่กล้าถามต่อ อิอิ

อาหารมื้อนี้ผ่านไปด้วยดี... เพราะจบจากเย็นตาโฟแล้วก็ต่อด้วยไอศครีมกะทิ หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะเกณฑ์ให้น้องๆ เหล่านี้กลับไปที่ตึกเพื่อพักผ่อน คนที่เดินเหินได้ปกติ ก็จะมาช่วยเข็นรถเข็นให้ ที่นี่เขาสอนให้ช่วยเหลือกันดีนะ

ส่วนพวกเราก็กลับไปที่สำนักงานพร้อมกับคุณเล็ก
เพื่อพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวของสมาคมกันต่อ ช่วงนี้นี่เอง "ม้า บางจาก"
ตามมาสมทบ ...พวกเราบางคนก็บริจาคเงินเพิ่มเติมจากบัญชีหางว่าว
บางคนก็อุดหนุนหนังสือที่ทาง "ครูพิมพร ชูรอด" ภรรยาของผู้ก่อตั้งซึ่งสานงานสมาคมต่อ
จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อหารายได้มาค้ำจุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ของสมาคม ในราคาเล่มละ 50.- บาท

...ทราบมาว่า ที่นี่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือใดๆ จากรัฐบาล เนื่องจากการก่อตั้งจัดทำในรูปของ "สมาคม" มิได้เป็นมูลนิธิเพื่อการกุศลแต่อย่างใด ไม่มีการประชาสัมพันธ์ในเชิงรุกกับสื่อต่างๆ จะมีบ้างก็คนที่มาเยี่ยมมาบริจาค แล้วไปทำเว็บไซต์ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสมาคมไว้บ้าง

ดังนั้น พวกเราคงจะต้องทำหน้าที่ช่วยเหลือในการบอกต่อๆ กันแล้วล่ะจ้ะ


คุณเล็กกำลังเล่าที่มาที่ไปของสมาคม


สังเกต "นพ ดาวคนอง" กำลังปาดเหงื่อ ...สงสัยหมดแรงตั้งแต่ตอนป้อนข้าว


ระหว่างนั้นมีผู้นำของมาบริจาคให้สมาคม


ข้าวสาร 5 ถุง กับนมกล่อง 5 ลัง ...ที่นี่รับบริจาคทุกอย่างนะคะ โดยเฉพาะ "ยา" ขาดแคลนมาก


"นัท ทุ่งครุ" กำลังบริจาคเงินเพิ่มเติม (โปรดสังเกตกระเป๋า ..เจ๊หอบเงินมาตุงเลย อิอิ)


ใบเสร็จรับเงินที่บริจาคในนาม "ชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนวัดพลับพลาชัย รุ่น 14"


ท่าทางของ "ม้า บางจาก" "นพ ดาวคนอง" และ "อุ๊ นครปฐม" ตั้งอกตั้งใจ เบิกตาฟังกันทุกคน


และแล้ว..ก็ถ่ายรูปร่วมกันไว้เป็นหลักฐาน


อย่าลืมอุดหนุนหนังสือเล่มนี้สักเล่มนะคะ

โบชัวร์ประชาสัมพันธ์ที่จัดทำขึ้นของสมาคมรวมปัญญาคนพิการ



ขอปิดท้ายไว้ด้วยที่อยู่และบัญชีธนาคาร สำหรับท่านที่ต้องการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้พิการและด้อยโอกาสของสมาคมรวมปัญญาคนพิการค่ะ

ที่อยู่ 68/6 หมู่ 6 ถ.ไทรน้อย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
โทร. 0-2903-6744, 0-2903-6750
แฟกซ์ 0-2903-6744
ธนาคารกรุงเทพ สาขาคลองสาน เลขที่บัญชี 151-0-71791-9
  • ธนาคารกรุงไทย สาขาวิภาวดี-รังสิต เลขที่บัญชี 019-1-40075-0
  • ธนาคารนครหลวงไทย สาขาสี่กั๊กพระยาศรี เลขที่บัญชี 021-2-07109-9
  • ธนาคารกสิกรไทย สาขาลาดพร้าว 67 เลขที่บัญชี 074-2-54046-4
  • ธนาคารทหารไทย สาขาพหลโยธิน เลขที่บัญชี 001-7-07696-9
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสามแยกไฟฉาย เลขที่บัญชี 036-2-36015-4
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสี่แยกสะพานกรุงธน เลขที่บัญชี 072-1-25084-2
  • ธนาณัติ สั่งจ่าย ป.ท.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
  • หลังจากอิ่มบุญกันแล้ว พวกเราก็ตกลงกันตามนัดหมายที่จะไปหาของอร่อยกินมื้อกลางวันกันที่ตลาดน้ำไทรน้อย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสมาคมนัก ...ที่นี่ เราไม่ได้ถ่ายรูปมาฝากนะ เพราะแบตเตอรี่กล้องเกลี้ยงพอดี ไม่ได้เตรียมแบตสำรองมา ก็เลยอดดูว่าใครหม่ำอะไรไปเท่าไหร่บ้าง แถมแต่ละคนยังมีหิ้วของฝากกลับคนละไม้คนละมือ ยกเว้น Hui ท่าทางจะหลอกตังค์เธอยากแฮะ

    พออิ่มหนำสำราญ ได้เวลา "ม้า บางจาก" ก็ขอแยกตัวกลับก่อน
    ที่เหลือก็จะไปไหว้พระที่วัดบรมราชากาญจนาภิเษก หรือวัดเล่งเน่ยยี่ 2 กันต่อ....

    เราขับรถรั้งท้าย เพราะกว่าจะเปิดจีพีเอส ก็ขับเลยถนนที่อยู่ติดตลาดไปเกือบกิโล กว่าจะรู้ตัวก็เลยต้องขับรถย้อนกลับ อุ๊กับนพคอยโทร.มาเช็คว่าถึงไหนแล้ว และบอกทางให้ขับมาเรื่อยๆ พอถึงสามแยกให้เลี้ยวซ้าย ...เออ! ไอ้เราก็สงสัยว่า มันบังคับเลี้ยวอยู่แล้วนี่หว่า ทำไมต้องบอกด้วย เอิ๊ก เอิ๊ก

    มารู้ตัวอีกที ก็ตอนที่ไปถึงวัดแล้วไม่เจอใครนั่นแหละ
    โทร.ถามอุ๊ก็ได้ความว่ายังขับตามกันอยู่เลย แต่อยู่ไหนก็ไม่รู้

    เอาล่ะสิ สงสัยท่านกิ้มจะพาหลงเหมือนตอนไปเมืองกาญจน์ซะแล้ว อิอิ

    เราเลยโทร.บอกนพอีกคนให้ช่วยโทรศัพท์บอกท่านกิ้มหน่อย ทางวัดให้อภัยแล้ว โปรดเลี้ยวกลับมาด่วน :P
    ....แล้วท่าทางวันนี้เราจะมีปัญหากับแบตเตอรี่แฮะ โทรศัพท์ใช้จีพีเอสมากไปหน่อย แบตเลยหมดเหมือนกัน แถมแบตสำรองที่ติดมาคงชาร์จไฟไม่เข้าอีก หรือจะลืมจ่ายตังค์ค่าไฟก็ไม่รู้สิ (:v:)

    คอยจนพรรคพวกเริ่มทยอยมา Hui แวะขับมาบอกว่าไม่ลงไปไหว้พระแล้ว
    เพราะคุณลูกชายที่บ้านโทรศัพท์มาตาม ส่วนอุ๊ก็ขอตัวกลับไม่แวะเข้าวัดเหมือนกัน
    เดี๋ยวจะไปรับลูกสาวไม่ทันอีกคน ...เราเองก็แวะเข้าไปไหว้พระแป๊บเดียว
    ไม่ได้ขึ้นไปดูความสวยงามข้างใน
    เพราะต้องรีบกลับไปเตรียมภารกิจอื่นตอนเย็นอีกเหมือนกัน

    เหตุการณ์ที่เหลือ ต้องให้คนอื่นๆ มาเล่าบรรยากาศกันต่อแล้วล่ะ ขอยกหน้าที่ต่อให้เลยละกันนะ

    10 ความคิดเห็น:

    1. ตอนที่ออกจากสมาคม กิ้มพาเลยไปไหนไม่รู้เลย พอดีไม่ได้ตั้ง GPS พอเห็นหลงทาง เราเลยมาตั้ง GPS หาจุด กว่าจะหาเจอ ฟังเสียงบอกทางไปซ้าย เราเลี้ยวซ้ายเลย เลี้ยวผิดอีก นพตามเลี้ยวผิดมาด้วยกันด้วยนะ สงสัยว่า GPS เนี่ยเชื่อได้แค่ไหนไม่รู้ และสุดท้ายก่อนถึงวัด ยังพาเราไปซอยตัน แสดงว่าแผนที่ไม่ update แน่นอน นพตามมาอย่าว่ากันล่ะ

      ตอบลบ
    2. บอกผิด ตอนออกจากตลาดน้ำน่ะ

      ตอบลบ
    3. ถ้าใช้จีพีเอส อย่ามัวแต่ฟังเสียงเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา อย่างเดียว ต้องคอยมองแผนที่ด้วย เมื่อวานนี้ของเราก็เหมือนกัน ตรงช่วงที่ออกมาสู่ถนนใหญ่แล้วน่ะ มันจะต้องยูเทิร์นใต้สะพานตามเส้นทางในจอนะ แต่เสียงดันบอกเลี้ยวซ้ายเฉยเลยอ่ะ แต่เราไม่ไปตามสั่งหรอก มองแผนที่เอาน่ะ

      โอกาสพาหลงของจีพีเอสเราว่าน้อยมากนะเท่าที่ใช้มา มีแต่เราน่ะดื้อไม่ค่อยไปตามทางที่บอก บางทีนั่งฟังเนวิเกเตอร์ที่นั่งไปด้วย ปรากฏว่าเนพาหลง สุดท้ายก็ต้องพึ่งจีพีเอสให้ช่วยพาออกจากซอย เสียเวลาอีกต่างหาก :P

      เราว่า..เมื่อวานนี้ "กิ้ม บางบอน" จะตกเป็นจำเลยหน่อยๆ นะ คิคิ

      ตอบลบ
    4. แผนที่ไม่ update จริงๆ จำจากแผนที่ว่าออกจาก ตลาดน้ำแล้ว
      เลี้ยวซ้ายขับตรงไป 13กิโลถึงถนนใหญ่ แล้วทำไมขับไปขับมามีเลี้ยว
      ไปมาเริ่มงง ว่าจะจอดถาม ก็มีแต่ต้นไม้กับถนนจะถามใครหว่า เลยตัด
      สินใจขับตามรถคันหน้า ยังไงออกไปหาถนนใหญ่ได้ที่ไหนก็คงไม่หลง
      ขับอยู่นานเหมือนกันมาออกตรงหมู่บ้านชัยพฤษ ออกมาถนนใหญ่
      สำเร็จ แต่ไม่ได้กลับรถใต้สะพานเหมือนแผนที่บอก แต่เป็นสะพาน
      U turn กลับรถได้ก็เหมือนกัน นึกว่าจะหาทางออกไม่ได้ซะแล้ว
      งานนี้ต้องโทษแผนที่นะ กิ้ม บางบอน

      ตอบลบ
    5. ข้าพเจ้าขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวครับ

      ตอบลบ
    6. ไหว้พระที่วัดเล่งเน่งยี่2 ทำบุญซื้อที่ดิน100บาท สร้างเจดีย์และโรงเรียน1500บาท ได้รับพระเหลี่ยมทองห้อยคอ 1องค์ เพื่อนๆท่านใดสนใจ ขอเชิญไปที่วัดร่วมทำบุญนะครับ

      ตอบลบ
    7. ตกลงงานบุญครั้งหน้า ให้แก้ตัวเขียนแผนที่ใหม่ก็แล้วกัน ถ้าจัดกฐิน
      ที่วัดใหม่เฉลิมพระเกียรติก็คงต้องช่วยกันแล้วละ เวลาเหลือไม่มาก
      ส่วนวันที่น่าจะเปลี่ยนเป็น 11ต.ค จะดีกว่าไหม เพราะ 18ต.คอยู่
      ระหว่างถือศีลกินเจพอดี

      ตอบลบ
    8. คราวนี้เราอดซื้อที่ดิน เพราะต้องรีบกลับ ขนาดว่ารีบแล้ว ยังเกือบไปฟังสวดจบแรกไม่ทันเลยอ่ะ

      งานบุญคราวหน้า ...ก็ยังไม่แน่ใจว่าไปได้รึเปล่า วันยังห่างไกลเกินรับปาก
      แต่รับรองว่ามีอะไร ช่วยเหลือเต็มที่เหมือนเดิมเจ้าค่ะ

      ถ้าจะให้ท่านกิ้มเขียนแผนที่ใหม่อีกรอบ สงสัยว่าจะต้องให้ไป survey ทางไปวัดอีกสองรอบแหงๆ เลย คิคิ :P

      ตอบลบ
    9. วานหลอเอากล้องไปตรวจเช็คหน่อยนะ
      คนหน้าตาดีดี หุ่นดีดี อย่างนพ ทำไมถ่ายออกมาแล้วดูแปลกๆ

      ส่วนหุย ไม่ใช่ความผิดของหุย ที่ขับตามหุยน่ะ
      ทั้งๆที่รู้ว่าขับไปผิดทางแต่ก็ยังขับตาม
      เพราะขับตามเสียงหัวใจของหุยน่ะ เป็นไง อย่าเพิ่งอ๊วกกันนะ

      ตอบลบ
    10. โห ถ้าเสียงหัวใจเราดังขนาดให้คนตามได้เนี่ย เราต้องรีบไปเช็คแล้วล่ะ น่ากลัวมั่กมั่กอ่ะ

      งานคราวหน้าไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะว่างไหม ต้องดูใกล้ๆอ่ะ

      ตอบลบ