4 พฤษภาคม 2553

บันทึก 4


เทือกเขา หิมะ และ Matterhorn

ไปสวิสทั้งที จะไม่พูดถึงเทือกเขาหรือหิมะเลยก็ไม่ถูกนัก ปีนี้เราไปที่นี่เร็วกว่าปีก่อนๆ เลยเจออุณหภูมิต่ำถึงติดลบ คราวนี้เราตามเจ้านายกับเพื่อนเขาไปเล่นสกี อย่าเข้าใจผิดว่าเราเล่นสกีเป็นนะ ไม่เป็นหรอก แต่ไปแจมทำนองพักผ่อนน่ะ (รู้สึกว่าจะมีพักผ่อนเยอะเหมือนกันนะ อิอิ แหมพวกเจ้านายชวน ไม่ไปก็เสียมารยาทเนอะ) คราวนี้เรานั่งรถไฟ Glacier Express เริ่มจากที่เมือง Chur นั่งยาวไปถึง Zermatt ทางตอนใต้ของสวิส ใช้เวลาประมาณ 5 ชม. รถไฟขบวนนี้เป็นขบวนพิเศษ ไม่ใช่รถด่วนตามชื่อนะ แต่เป็นขบวนรถที่จะนั่งผ่านเทือกเขาแอลป์ที่เลื่องลือ ถ้าไปรถไฟประเภทอื่นก็จะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม. ตามจุดที่ขึ้น



เรานั่งตู้ที่จองที่นั่งพร้อมกับอาหารเที่ยง หลังคาด้านบนจะมีส่วนที่เป็นกระจก เป็นตู้ panorama สำหรับนั่งคุยไปกินไปดูวิวไป อะไรจะปานนั้น ขอบอกว่าวิวสองข้างทางสวยมาก จะเห็นเทือกเขาน้อยใหญ๋เต็มไปด้วยหิมะ ผ่านชุมชนบ้านคนที่มีหิมะคลุม วิวบางที่ไกลสุดตา เพียงแค่นั่งดูวิว เราก็ว่าคุ้มแล้วล่ะ อาหารอร่อยด้วย



เราใช้เวลาทั้งวันเดินทาง ถึง Zermatt ก็เย็นแล้ว เราพักที่นี่หลายวันเหมือนกัน ปรกติคนอื่นๆไปสกีกัน เราก็จะเดินเล่นในตัวเมือง ที่นี่จะมี musuem บอกเล่าถึงการพิชิตยอดเขา Matterhorn บอกเล่าถึงบุคคลผู้พิชิตและเรื่องเกี่ยวเนื่องหลังจากนั้น นอกจากนี้ก็มีเขตเมืองเก่าเดินแล้วเพลิน และที่ขาดไม่ได้คือวิวยอดเขา Matterhorn




เรามาที่นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว ครั้งแรกมาถึงไม่เห็นวิวอะไรเลย หมอกเต็มไปหมด ฟ้าไม่เปิดก็ขึ้นเขาไม่ได้ ครั้งที่สองมาฟ้าใส เห็นวิวสวยงามมาก ได้ขึ้นเขาด้วย จุดขึ้นมีทั้งหมดสามจุด แยกจากกัน และทุกจุดจะได้เห็นวิวยอดเขา Matterhorn ที่แตกต่างกัน แต่สวยเหมือนกันหมด ตอนนั้นเราขึ้นลงทั้งสามจุดเลย

มางวดนี้วันที่เราจะขึ้นเขา หิมะตก พวกไปสกีก็ยังไปเล่นนะ ส่วนเราไม่มีอะไรทำก็นั่งหน้าคอมฯ ดูหิมะตก ออกไปเดินเหมือนกัน เปียกไปหมดเลย ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ วันต่อมาเราซื้อตั๋วแบบสามวัน ขึ้นลงให้คุ้มค่า วันแรกไม่ค่อยคุ้ม ลืมไปว่าจะเดิน trekking เราไปที่จุดแรก คือที่ Sunnegga paradise เพราะนัดกับพวกสกีว่าไปกินเที่ยงกันที่ Findeln ซึ่งอยู่เลยจากสถานี Sunnegga ไปประมาณครึ่งชั่วโมง เราต้องเดินไปตามทางหิมะเพื่อไปกินเที่ยงอ่ะ เดินตรงนี้ก็โอนะ เพราะเป็นทางลงเขา มีลื่นล้มบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร ที่แย่คือทางเดินเพราะป้ายมีน้อยมาก เดินๆอยู่ไม่แน่ใจว่าถูกทางหรือเปล่า บางทีต้องเดินตัดทางคนเล่นสกีน่ะ หวาดเสียวเหมือนกัน แต่ก็ถึงร้านอาหารที่นัดกัน พวกนั้นเขาสกีไปง่ายกว่ากันยอะเลย ไปที่หนาวแบบนี้ แนะนำให้สั่งเหล้ารัมร้อนนะ จิบแล้วดีจริงๆ



พอกินเสร็จนั่งละเลียดเวลาได้ที่ ก็ถึงเวลาเดินต่อ เราต้องเดินลงไปถึงตัวเมือง Zermatt เลย (เดินกลับขึ้นไปสถานีไม่เอาหรอก) ตามที่พวกสกีบอกจะใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เราก็ลุย เดินไปดูวิวไป เดินอยู่คนเดียวนะ รอบตัวไม่มีอะไรนอกจากเทือกเขา หิมะ ต้นไม้ หน้าผา และความเงียบ มีลื่นล้มอีก แต่ก็พอไหว เราใส่รองเท้าเดินเขากันน้ำ ไม่มีอุปกรณ์อื่น นานๆ มีคนเดินผ่านเราไป (แสดงว่าเราเดินช้าหรือขาดประสบการณ์เนี่ย) พอเดินไปได้ครึ่งทาง คำนวณเวลาแล้วเราใช้มากกว่าที่เขาบอกอีก เดินไปอีกหน่อยเราก็อึ้งเลย เพราะทางข้างหน้าเป็นแบบน้ำแข็งละลาย จะลื่นมาก คิดว่าแย่แล้วงานนี้เพราะเดินต่อไม่ได้ แล้วอีกข้างเป็นหน้าผาอ่ะ ถึงมีต้นไม้ก็เหอะ พอดีมีฝรั่งสามีภรรยาคู่นึงอายุเยอะแล้ว เขาเดินมาถึงพอดี เห็นเราอ้ำอึ้งยืนตะลึงอยู่ คนผู้หญิงก้มลงไปใส่ spice ที่รองเท้าเขาแล้วเขาบอกให้เราเกาะแขนเขาเดินลงไปด้วยกัน เราดีใจมากๆๆๆๆ เดินเกาะแขนเขาแบบลื่นมั่งไถลมั่งไปจนถึงตัวเมืองอ่ะ ช่วงนี้ไม่ดูวิวแล้ว เฮ้อ เราขอบคุณเขาใหญ่เลย โชคดีนะเนี่ย ทีหลังเราไปบ่นให้พวกสกีรู้ ชักไม่อยากเดินแล้วเนี่ย




วันถัดไปเราไปขึ้นที่เป็นจุดที่ไกลที่สุด ต้องเดินไปไกลหน่อยถึงจะถึงทางขึ้น ไป Matterhorn glacier paradise เรานั่งกระเช้าขึ้นไป กระเช้าเล็กแบบปิดประตู กระเช้ามาก็ขึ้น เรานั่งคนเดียวสบายดี จะผ่านหุบเขา มองลงไปวิวสวยมากนะ เราไปลงเปลี่ยนกระเช้าที่ Trockener Steg เพื่อขึ้นไปที่ Klein Matterhorn จะมีจุดชมวิวดูยอดเขาต่างๆ เวลาเดินที่นี่ต้องระวังเดินช้าๆเพราะอากาศบางมาก เนื่องจากอยู่สูงมาก ที่นี่มีถ้ำน้ำแข็งที่ทำขึ้น ภายในมีน้ำแข็งสลักเป็นรูปต่างๆ ข้างในหนาวมากๆๆเลยอ่ะ เราเดินกินลมหนาวชมวิวแล้วก็นั่งกระเช้าลงมาแบบเดิม วิวที่นี่ดูยังไงก็สวยตลอด แล้วก็มาเดินเล่นต่อในเมือง ความจริงพวกสกีชวนกินตอนบ่าย ให้ไปเจอกันที่ร้านอาหารอีกที่นึง เขาบอกเดินประมาณ 15 นาที จากสถานี Furi แต่เรามัวแต่ไปเข้าคิวขึ้น Klein Matterhorn เลยไม่ได้ไป อีกอย่างไม่อยากเดินด้วย กลัวเจอทางเดินที่หิมะละลายเป็นน้ำแข็งอ่ะ

จากที่จุดนี้ ตอนนี้เขามีทำกระเช้าเพิ่มให้วิ่งไปเจอทางขึ้นอีกอัน ทางขึ้นที่ว่าคือขึ้นไป Gornergrat คนส่วนใหญ่จะขึ้นเขาด้วยรถไฟขบวนนี้ก่อน เพราะเป็นจุดที่ใกล้ที่สุดอยู่ติดกับสถานีรถไฟเลย รถไฟที่ขึ้นเป็นขบวนไม่ยาวมาก นั่งดูวิวตามทางสวย พอไปถึงสุดสาย เดินย่ำหิมะ ดูวิวยอดเขา สวยมากนะ วันถัดไปเราก็นั่งกระเช้าขึ้นไป Klein Matterhorn อีก ชอบดูวิวเวลานั่งกระเช้าไง ขึ้นลงฟากนั้นแล้ว เราก็นั่งกระเช้าจากฟากนั้น มาที่ Riffelberg มาลงเปลี่ยนขึ้นรถไฟขึ้นไปสุดสาย Gornergrat อย่างที่บอก ตั้งใจว่าจะนั่งเล่นนานๆค่อยกลับ หาโต๊ะนั่งหม่ำอะไรแล้วดูวิว แต่วันนั้นโต๊ะด้านนอกเต็มหมด อดเลย พอเวลาลง เราลงจาก Gornergrat ไปถึงสถานีรถไฟ Zermatt แล้วก็เดินเล่นในเมือง กินกาแฟของหวานต่อ เค้กที่นี่อร่อยจัง




วันที่กลับ ก็รู้สึกว่าอิ่มวิวแล้ว ถ้าใครมาเที่ยวก็ต้องมี 1 วันเต็มๆ ขึ้นฝั่ง Gornergrat แล้วต่อไปฝั่ง Klein Matterhorn นะ ไม่เสียใจหรอก

6 ความคิดเห็น:

  1. Zermatt และขุนเขา Matterhorn นี่แหละที่เราอยากไปเหยียบสวิสอีก เป็นเมืองเล็กที่มีบรรยากาศสดชื่นเพราะเป็นเมืองปลอดมลพิษ เมืองเล็กที่โรแมนติก (ถึงไปคนเดียวก็เหอะ อิอิ)

    แชร์ที่เรื่องและภาพที่เราเขียนเกี่ยวกับ Matterhorn, Zermatt...ขุนเขาใหญ่ในเมืองเล็ก ไว้ที่บล็อกโอเคเนชั่นเมื่อปีที่แล้วนะ

    แล้ว Glacier Express น่ะ เราว่าความพิเศษของมันอยู่ที่สโลแกนของเขาที่ว่า The slowest fast train in the world หรือรถไฟด่วนที่วิ่งช้าที่สุดในโลก ช่วงที่หุยนั่งจาก Chur-Zermatt น่ะ เป็นช่วงที่ผ่านวิวช่วงสะพาน Landwasser Viadukt โค้งสูงสวยมาก

    แต่สำหรับคนที่มีเวลาเหลือ เรายังแนะนำให้นั่งทั้งเส้นอยู่ดี คือจาก St.Moritz-Zermatt เพราะตลอดเส้นทางจะผ่านเมืองเล็กเมืองน้อยสวยงามแบบไม่เบื่อเลย (ใช้เวลาประมาณ 8 ชม.น่ะ)

    เราแชร์เรื่องและภาพตอน "นั่งรถไฟด่วนที่วิ่งช้าที่สุดในโลก... Glacier Express ไป St.Moritz" ไว้ที่บล็อกโอเคเนชั่นเหมือนกันนะ

    มารำลึกแบบนี้เพราะเมื่อคืนก่อนดูทูไนท์โชว์ เขาก็พาไปนั่งรถไฟสายนี้เยือน Zermatt เหมือนกัน โอ๋ย...นึกอยากจะไปขึ้นมาทันทีเลยนะเนี่ย

    ตอบลบ
  2. เตี๋ยว5/5/53 01:23

    ต้องยอมรับเลยว่า ทั้งท่านประมุข และ หุย เป็นหญิงเหล็กตัวจริง
    เพราะสามารถเดินทางไปในที่ยากลำบาก แต่มีวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ
    ด้วยตัวคนเดียว หลังจากได้อ่านที่หุยเล่าแล้ว นึกไปถึงสารคดีประ
    เภท Discovery หรือ Adventure อะไรทำนองนั้น แต่เมื่อ
    ดูจากวิว และ ฟังคำบรรยายถึงความอร่อยของรสชาดอาหารแล้ว
    จึงต้องตัดสินใจหากระปุกออมสินสักใบ พร้อมกับต้องลดน้ำหนัก
    ตัวลง เผื่อจะมีโอกาสได้ไปย้ำรอยเท้าของหญิงเหล็กทั้งสองสัก
    คราในอนาคตอันใกล้นี้

    ตอบลบ
  3. อ่านเรื่องเล่าพร้อมภาพประกอบสวยๆ แต่ถ้าเคล้าด้วยเสียงเพลงเพราะๆด้วยก็โอเลยหละ
    (เรื่องมากอีกแล้ว)

    ตอบลบ
  4. ลุง5/5/53 12:07

    เดินลงเขานี่ สุดยอดเลย

    กล้ามาก มาก

    ตอบลบ
  5. เราไม่เก่งเรื่องเคล้าเสียงเพลงแบบปู่อ่ะนะ ส่วนเรื่องเดินเขา treking เขาจะมีทางให้เดินโดยเฉพาะอยู่แล้ว เพียงแต่บางช่วงหาทางไม่เจอ จะเห็นแต่หิมะสีขาวรอบตัวเวิ้งว้างไปหมด และบางตอนจะต้องเดินตัดทางเล่นสกี ก็ต้องรอจังหวะให้พวกเล่นสกีไปก่อน ค่อยเดินไง แต่ก็สนุกดีนะ ลุงจะไปอีกเมื่อไหร่

    ตอบลบ
  6. อุ๊6/5/53 21:45

    กล้องของหุยถ่ายรูปออกมาได้สวยดีนะ !! อ้อ..ต้องอยู่ที่ฝีมือคนถ่ายด้วยสินะ

    ตอบลบ