27 มิถุนายน 2552

ทำ...ในสิ่งที่อยากจะทำ

บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดังเขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิลด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย

ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ อยากให้ทุกคนได้อ่าน ข้อความนี้ มีความหมายดีนะ

ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น...........
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น……จากนี้ไป……
ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้ว
จงแสวงหา การหยั่งรู้
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…อยาก…
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น……
กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป

ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า…… สักวันหนึ่ง…… ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง

4 ความคิดเห็น:

  1. TOMORROW NEVER COMES

    อดีตผ่านพ้นไป
    ปัจจุบันเป็นของเรา
    อนาคตไม่แน่นอน

    เห็นด้วยสุดสุดกับบทความนี้

    ตอบลบ
  2. เห็นด้วยกับ nop มากกว่า

    ตอบลบ
  3. มันก็จริงนะ คนเรากระตือรือร้นดิ้นรนให้ตัวเองไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไปสูงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ซึ่งก็ต้องแลกกับบางสิ่งบางอย่าง เช่นเวลาพักผ่อน สุขภาพร่างกาย จิตใจ ชีวิตครอบครัว จะบอกว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็ใช่ ชีวิตเป็นของเรา อยากทำอะไรให้ทำก็ใช่ แต่พอเอาเข้าจริง มันก็ไม่ง่ายเลยนะ เพราะพวกข้อจำกัดข้อโต้แย้งตามกันออกมาเพียบ ว่าแล้วเราไปเที่ยวกันดีกว่า นะหลอ

    ตอบลบ
  4. คนที่มีภาระติดตัว เช่น ครอบครัว จะมีความกระตือรือร้นไปข้างหน้าเรื่อยๆ นะ มันเหมือนห่วงโซ่ที่ตัดไม่ขาด เพราะงั้นจะมองความต้องการของตัวเองน้อยลง อะไรที่เราอยากทำ ก็จะเก็บไว้ก่อน ขอจัดการสิ่งต่างๆ ให้คนที่เป็นห่วงโซ่ก่อน

    บทความนี้มันคล้ายคลึงกับฟอร์เวิร์ดเมล์ที่นัทธมนส่งมาวันนี้เลยนะ (กินใจดีจัง)

    ตอบลบ