18 มิถุนายน 2552

เรื่องของภาษา



ที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมา เนื่องจากว่ามีเพื่อนเห็นเราใช้ภาษาอังกฤษแล้วบอกให้เราช่วยหัดให้ด้วย เราก็เลยมาคิดว่าจะทำยังไง เพราะจะหัดไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่ง่ายเหมือนกัน การศึกษาบ้านเราไม่ได้อำนวยเรื่องทักษะอื่นนอกจากท่องจำ ส่วนใหญ่อ่านเขียนพอไหว แต่พูดกับฟัง ออกจะลำบากกันหน่อย


จากประสบการณ์ของเราเอง เราเป็นคนชอบภาษาอังกฤษ สมัยเรียนก็เลือกเรียนเป็นวิชาเอก จำได้ว่าตอนเรียนปีสามปีสี่ วิชาไหนมีอาจารย์ฝรั่งสอน จะพยายามไปเลือกลง เพราะอยากฝึกทักษะเรื่องพูดกับฟัง และเราเชื่อว่าการรู้ภาษาอื่นๆจะช่วยได้อย่างมากกับชีวิตการงานในอนาคต และไม่ใช่แค่เรียนหรือฝึก ต้องหาโอกาสใช้ด้วย


ตัวเราเองชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะพวกนิยายทั้งหลายและบางเรื่องจะเลือกอ่านภาคภาษาอังกฤษ เพราะจะได้ศัพท์ ยิ่งรู้ศัพท์เยอะก็จะช่วยในการใช้ภาษาได้มากเช่นกัน เวลาอ่านก็ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกตัวหรอก อ่านได้เนื้อเรื่องใจความ อ่านไปเรื่อยๆมันซึมซับเข้าไปในหัวเอง นอกจากหนังสือ แต่ก่อนยังรับหนังสือพิมพ์ภาคภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้เลิกรับแล้วเพราะมี internet ประหยัดเงินได้เยอะ แถมเข้าหน้าข่าวได้ทั่วโลกด้วย


เราชอบดูหนังด้วย เรารับเคเบิลทีวีเพื่อที่จะดูหนังเพื่อความสนุกและฟังภาษาไปด้วย บางทีทำงานอยู่ก็เปิดทีวีทิ้งไว้เอาเสียงไง เวลาดูดีวีดี ก็เปิด subtitle ภาษาอังกฤษ แทนภาษาไทย ตอนแรกที่เราหัดลูกเรา เราก็เปิด sub ไทย 1 รอบ แล้วดูอีกรอบด้วย sub อังกฤษ แต่บางเรื่องมันฟังยากจริงๆ เวลาเขาพูดเร็วหรือพูดในคอเนี่ยหรือเรื่องที่มีศัพท์เทคนิคเฉพาะก็ลืมไปได้เลย ฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกัน


ส่วนเรื่องพูดไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ ถ้ากล้าพูดนะ มีผิด grammar บ้างช่างมันพอพูดบ่อยๆ ตัวเองจะรู้ว่าพูดผิดยังไงแล้วจะค่อยๆแก้ไขตัวเองไปเรื่อยๆ แต่ต้องแก้ไขนะ เพราะถ้าปล่อยไว้ไม่แก้ จะติดพูดผิดตลอด แล้วไม่ดีเลย ฝรั่งเขาจะดูเหมือนกันเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นลุยได้ถ้าใจเต็มร้อย


ใครชอบ Harry Potter บ้าง เรามีที่เป็น audiobook อยู่ แต่ไม่ครบทุกภาคนะ มี ภาค 1,3,4,5 เอาไปลองฟังดู ถ้าใครเอาช่วยบอกด้วย จะ write cd ให้ upload ที่นี่ไม่ไหวมั้ง ไม่ได้ลองนะ แล้วก็มีที่เป็นฉบับอ่าน file .pdf ภาค 1,3,4,5,6,7 (ภาค 7 เป็นฉบับย่อ) ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ


เราเคยเรียนภาษาจีน ญี่ปุ่น แต่ไม่มีโอกาสใช้ ก็เลยลืมเป็นส่วนใหญ่ เจ็บใจตัวเองอยู่แต่ทำอะไรไม่ได้ มีไปเรียนภาษาเยอรมันด้วย เพราะบริษัทมีลูกค้าเยอรมันและสวิสที่ใช้ภาษานี้ (พวกนี้ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ บางคนไม่รู้ภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว) ปีแรกที่เรียนมาได้ใช้ก็โอเคนะ แต่ต่อมากลุ่มลูกค้าเปลี่ยนไป โอกาสใช้ก็น้อยลง ก็เริ่มลืมแล้ว เสียดายเหมือนกัน เนี่ยว่าจะไปฟื้นความจำใหม่อยู่ รอว่างก่อน (ไม่รู้เมื่อไหร่) ตอนนี้มัวแต่เคี่ยวเข็ญลูกเรื่องภาษานี่แหละ


3 ความคิดเห็น:

  1. เราก็ชอบภาษานะ ตั้งแต่ภาษาไทย จีน อังกฤษ

    ภาษาจีนจำได้ว่าเรียนที่ประสาทปัญญาตั้งแต่ ป.1-ป.4 โตมาก็มีเรียนอีก เสียดายที่ไม่เรียนให้ต่อเนื่อง แต่ก็ได้ใช้นะ ตอนไปอบรมที่ญี่ปุ่น จีน ไต้หวันน่ะ

    ภาษาอังกฤษนี่ มาเรียนที่พลับพลาชัยตอน ป.5 เนี่ย มาชอบเอาจริงๆ จังๆ ก็ตอน ป.6 ที่เรียนกับครูสมบูรณ์น่ะ จดคำศัพท์ไว้บนสมุดปกอ่อนเอาไว้คอยท่องศัพท์ ได้ผลดีนะวิธีนี้

    ตอนเรียนมัธยม จำได้ว่ากรุ๊ปเราชอบชวนกันไปสยาม เผื่อเจอฝาหรั่งจะได้คุยด้วย อิอิ ...ตอนนั้นใครไปด้วยโปรดแสดงตน

    เรื่องของภาษาที่ Hui เขียนมา เราเห็นด้วยหมดเลยแหละ
    แต่เราไม่เก่งแบบ Hui เพราะไม่ค่อยได้ใช้ในการทำงาน
    เวลาไป training แต่ละที ก็แค่แก้ผ้าเอาหน้ารอด (หุหุ มิได้แก้ผ้าจริงๆ หรอกนะคะ ฮ่า ฮ่า)

    ไปเที่ยวแต่ละที ก็พูดมันมั่วไปหมด เอาแค่สื่อสารกันรู้เรื่องก็พอแล้ว อย่าไปปั่นคำศัพท์ให้สละสลวย

    เราว่าต้องคิดบวกไว้ก่อนอ่ะ อย่าไปกลัวหรืออายที่จะพูด
    อย่าพยายามนึกเป็นภาษาไทยก่อนแล้วค่อยแปลเป็นอังกฤษ ..อันนี้ทำให้พูดยากขึ้นนะ

    ดูเคเบิ้ลช่วยได้ในเรื่องของการฟังอย่างมากแบบที่ Hui บอกเลยแหละ
    แต่มี Series อยู่เรื่องนึงนะ ศัพท์มันโหดมากๆ เลย "Criminal Minds : อ่านเกมอาชญากร"ขนาด sub thai ฟังแล้วยังอ่านแทบไม่ทันเลยล่ะ

    ยุคนี้ใครได้เปรียบเรื่องภาษาที่ 2-3 go inter สบายๆ เลยนะ

    ตอบลบ
  2. เป็นความจริงที่ไม่ควรนึกเป็นภาษาไทยแล้วแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพราะไม่ช่วย เวลาพูดหรือเถียง ไม่ทันชัวร์ เดี๋ยวแพ้ฝรั่งแล้วโมโหเปล่าๆ

    ของเราทำงานใช้ทุกวัน เชื่อไหมว่าปัจจุบันศัพท์ที่ใช้กลายเป็นแบบง่ายๆไปแล้ว ไม่มีเลิศหรูอลังการเว้นศัพท์เฉพาะเท่านั้น grammar ก็มี pattern ของมันอยู่ไม่เคยเปลี่ยน สำเนียงไม่ดีก็ไม่สนไม่ใช่เด็กนอกนี่ แต่ก็จะพยายามออกเสียงให้ถูกต้องไว้ เช่น เสียง th- แค่นี้ก็โอแล้ว

    เราเคยสอนพวกผู้อพยพในค่ายที่พนัสนิคมตอนจบใหม่ๆ เป็นอะไรที่สนุกดี สอนพวกลาว เขมร ที่ถูกคัดเลือกแล้วให้รู้ภาษาอังกฤษเพื่อไปใช้ชีวิตที่อเมริกา ช่วงเวลาสั้นๆเขาก็พูดกันได้เข้าใจนะ เขามีความตั้งใจไง

    เรื่องภาษาเยอรมัน เราตัดสินใจเรียนหลังจากที่ต้องติดต่อกับลูกค้าเยอรมันกับสวิส แล้วเขาสื่อสารภาษาอังกฤษแย่ๆ เราเลยยอมไปเรียน ทำให้สื่อสารได้สมน้ำสมเนื้อคือ อังกฤษแย่ๆเจอกับเยอรมันแย่ๆ แต่ก็พอไปได้ แต่เพราะนานๆใช้ที มันเลยเริ่มหายตัวไปจากสมอง ตอนนี้อยู่ในขั้นวิกฤตแล้ว กำลังคิดว่าจะกู้ชีพมันดีหรือปล่อยเลยตามเลย ไม่ชอบอย่างเดียวคือเวลาอยู่ที่สวิส เขาจะนั่งพูดๆๆๆๆกันด้วยเยอรมัน แล้วเรานั่งฟังเป็นใบ้อยู่คนเดียว รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง เดาเอาเองเยอะ เวลาอยู่เป็นกลุ่มไม่หนุกเท่าไหร่

    Series ในเคเบิ้ลที่เข้าใจยากถ้าไม่ดู sub นะ มี CSI, House เป็นต้น มีศัพท์ยากเยอะ เราเคยนั่งดูบนเครื่องบิน มันไม่มีศัพท์ให้ ต้องนั่งเดาเอาเหนื่อยจริงๆ กลับมาดูที่บ้านสบายกว่า ลูกเรามี bit เก็บไว้ด้วยนะ CSI ทั้ง 3 เมือง, house, 24, แล้วอะไรไม่รู้ จำไม่ได้ แต่รู้สึกจะไม่ครบทุก series เขาว่าขี้เกียจแล้ว WN ดู prison break หรือเปล่า ใครที่ยังไม่เคยดูเรื่องนี้ ขอชักชวนให้ดู มันส์มากขอบอก ลุ้นตลอดเลย

    ตอบลบ
  3. เราเป็นพวก seriesmania น่ะ ทั้ง CSI, 24, Criminal Minds ชอบพวกแนวสืบสวนสอบสวน Prison Break นี่เพิ่งมาดูหลังๆ Season3 ปลายๆ แล้ว เพราะก่อนหน้านี้นึกว่าเป็นหนังนักโทษในคุกแค่เนี้ยะ เลยไม่ได้ดูแต่ต้น

    บางเรื่องอาจจะเกินจริงไปบ้างในบางตอน แต่โดยรวมจะให้แง่คิดดีๆ เยอะ หรืออย่างเทคโนโลยีต่างๆ ที่เค้าใช้น่ะ เราฝันว่าบ้านเราจะพัฒนาไปให้ได้ครึ่งนึงของเค้าก็ยังดีนะ

    ความชอบหนังฝรั่งก็ดีนะ มันทำให้เราชินหรือคุ้นเคยกับสำเนียงฝรั่งดีน่ะ เว้นแต่บางเรื่องที่เป็นซีรี่ส์ฟากอังกฤษ เสียงจะคับปากหน่อย อย่างเรื่อง Spook นี่น่ะ

    ไปๆ มาๆ เราแทบจะไม่ได้ดูทีวีไทยเลย ยกเว้นรายการข่าว กับตีสิบช่วงดันดาราเท่านั้นเอง นอกนั้นก็เป็นรายการซีรี่ส์ซะ 80% ที่เหลือมันก็ไม่มีเวลาดูแล้วล่ะ (จ่ายตังค์ค่าเคเบิ้ลแล้วดูไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่เนอะ)

    อ้อ! เรื่องของภาษาเนี่ย มีอีกภาษาที่ลืมไม่ได้เลยคือ ภาษากาย เราได้ใช้มันเยอะตอนไปทริปยุโรปคนเดียวน่ะ ตอนที่เจอแม่ลูกฟลอริด้าน่ะ แค่คำพูดไม่กี่คำกับท่าทีที่แสดงถึงความห่วงใย มันเตะใจเรามากๆ เลย (หุหุ นึกแล้วยังซึ้งไม่หาย)

    ตอบลบ