ผมได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทบัตรเครดิตที่ผมถืออยู่ ขอทบทวนความถูกต้องของข้อมูล เช่น ชื่อ เลขที่บัตร และเลขที่บัตรประชาชน ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยอ่านแล้วให้ผมยืนยันและจะมีการบันทึกเทปด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่คนนั้นได้นำเสนอขายประกันชีวิต แล้วถามผมว่าสนใจหรือไม่ ผมตอบว่าสนใจแต่ขอให้ส่งรายละเอียดมาให้ดูก่อนเจ้าหน้าที่จึงบอกผมว่า ขออนุญาตให้ผมพูดใหม่ว่า "สนใจ" เพราะเขาต้องบันทึกเทปเสียงพูดไว้ยืนยันกับเจ้านาย ..ผมก็โง่ ทำตามหลังจากนั้นมีเอกสารส่งมาถึงผม...แต่ไม่ใช่รายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์...มันคือ "กรมธรรม์"กรมธรรม์นั้นระบุว่า เป็น "ประกันอุบัติเหตุ" ไม่ใช่ประกันชีวิต ซึ่งเอาไปใช้ลดหย่อนภาษีไม่ได้ และสิทธิประโยชน์น้อยกว่าที่ควรจะเป็น และเป็นของบริษัทแห่งหนึ่ง ไม่ใช่ของบริษัทเจ้าของบัตรเครดิต เพื่อนในที่ทำงานคนหนึ่งก็ประสบปัญหาเดียวกัน เราทั้งคู่จึงหารายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท พบว่าเป็นบริษัทต่างชาติจากเกาะแห่งหนึ่งแถวอเมริกาใต้ และได้รับอนุมัติให้เข้ามาประกอบธุรกิจในไทยไม่กี่ปีมานี้ผมได้โทรกลับไปที่บริษัทเพื่อขอยกเลิกกรมธรรม์แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยง เจ้าที่คนใหม่อธิบายว่าผมได้รับปากตกลงทำประกันแล้วทางโทรศัพท์ มีเทปเป็นหลักฐาน ..ผมจึงเสียงแข็งใส่ ล่าสุด สัญญาว่าจะส่งเอกสารกลับมาให้เซ็นยกเลิก แต่ไม่ได้ส่ง ผมโทรไปปรึกษาที่หน่วยงานของรัฐ คือสายด่วนประกันภัย....เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า...ตามกฏหมาย เพียงแค่บอกทางโทรศัพท์ ว่า "สนใจ" หรือ "ตกลง" ก็ถือว่าสัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว และผมต้องจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับบริษัทหากต้องการยกเลิกกรมธรรม์เจ้าหน้าที่สายด่วนประกันภัย แนะนำผมว่า หากได้รับโทรศัพท์เสนอขายประกันอีกให้ยืนยันว่าไม่สนใจ หรือไม่ก็ขอให้เขาส่งตัวแทนประกันมาพบเพื่ออธิบายผลประโยชน์"อย่าพูด แม้แต่คำว่า สนใจ เพราะมีผลเป็นสัญญาตามกฏหมาย"ผมขอเสนอเรื่องความโง่ของตัวเองมาเพื่อเป็นอุทธาหรณ์คับ
13 มิถุนายน 2552
ระวังถูกบริษัทประกันหลอก อย่าพูดคำว่า "สนใจ
พอดีมีคนส่งเมล์มาให้ คิดว่าเพื่อนคงเจอกันมาบ้าง
ผมได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทบัตรเครดิตที่ผมถืออยู่ ขอทบทวนความถูกต้องของข้อมูล เช่น ชื่อ เลขที่บัตร และเลขที่บัตรประชาชน ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยอ่านแล้วให้ผมยืนยันและจะมีการบันทึกเทปด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่คนนั้นได้นำเสนอขายประกันชีวิต แล้วถามผมว่าสนใจหรือไม่ ผมตอบว่าสนใจแต่ขอให้ส่งรายละเอียดมาให้ดูก่อนเจ้าหน้าที่จึงบอกผมว่า ขออนุญาตให้ผมพูดใหม่ว่า "สนใจ" เพราะเขาต้องบันทึกเทปเสียงพูดไว้ยืนยันกับเจ้านาย ..ผมก็โง่ ทำตามหลังจากนั้นมีเอกสารส่งมาถึงผม...แต่ไม่ใช่รายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์...มันคือ "กรมธรรม์"กรมธรรม์นั้นระบุว่า เป็น "ประกันอุบัติเหตุ" ไม่ใช่ประกันชีวิต ซึ่งเอาไปใช้ลดหย่อนภาษีไม่ได้ และสิทธิประโยชน์น้อยกว่าที่ควรจะเป็น และเป็นของบริษัทแห่งหนึ่ง ไม่ใช่ของบริษัทเจ้าของบัตรเครดิต เพื่อนในที่ทำงานคนหนึ่งก็ประสบปัญหาเดียวกัน เราทั้งคู่จึงหารายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท พบว่าเป็นบริษัทต่างชาติจากเกาะแห่งหนึ่งแถวอเมริกาใต้ และได้รับอนุมัติให้เข้ามาประกอบธุรกิจในไทยไม่กี่ปีมานี้ผมได้โทรกลับไปที่บริษัทเพื่อขอยกเลิกกรมธรรม์แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยง เจ้าที่คนใหม่อธิบายว่าผมได้รับปากตกลงทำประกันแล้วทางโทรศัพท์ มีเทปเป็นหลักฐาน ..ผมจึงเสียงแข็งใส่ ล่าสุด สัญญาว่าจะส่งเอกสารกลับมาให้เซ็นยกเลิก แต่ไม่ได้ส่ง ผมโทรไปปรึกษาที่หน่วยงานของรัฐ คือสายด่วนประกันภัย....เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า...ตามกฏหมาย เพียงแค่บอกทางโทรศัพท์ ว่า "สนใจ" หรือ "ตกลง" ก็ถือว่าสัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว และผมต้องจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับบริษัทหากต้องการยกเลิกกรมธรรม์เจ้าหน้าที่สายด่วนประกันภัย แนะนำผมว่า หากได้รับโทรศัพท์เสนอขายประกันอีกให้ยืนยันว่าไม่สนใจ หรือไม่ก็ขอให้เขาส่งตัวแทนประกันมาพบเพื่ออธิบายผลประโยชน์"อย่าพูด แม้แต่คำว่า สนใจ เพราะมีผลเป็นสัญญาตามกฏหมาย"ผมขอเสนอเรื่องความโง่ของตัวเองมาเพื่อเป็นอุทธาหรณ์คับ
ผมได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทบัตรเครดิตที่ผมถืออยู่ ขอทบทวนความถูกต้องของข้อมูล เช่น ชื่อ เลขที่บัตร และเลขที่บัตรประชาชน ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยอ่านแล้วให้ผมยืนยันและจะมีการบันทึกเทปด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่คนนั้นได้นำเสนอขายประกันชีวิต แล้วถามผมว่าสนใจหรือไม่ ผมตอบว่าสนใจแต่ขอให้ส่งรายละเอียดมาให้ดูก่อนเจ้าหน้าที่จึงบอกผมว่า ขออนุญาตให้ผมพูดใหม่ว่า "สนใจ" เพราะเขาต้องบันทึกเทปเสียงพูดไว้ยืนยันกับเจ้านาย ..ผมก็โง่ ทำตามหลังจากนั้นมีเอกสารส่งมาถึงผม...แต่ไม่ใช่รายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์...มันคือ "กรมธรรม์"กรมธรรม์นั้นระบุว่า เป็น "ประกันอุบัติเหตุ" ไม่ใช่ประกันชีวิต ซึ่งเอาไปใช้ลดหย่อนภาษีไม่ได้ และสิทธิประโยชน์น้อยกว่าที่ควรจะเป็น และเป็นของบริษัทแห่งหนึ่ง ไม่ใช่ของบริษัทเจ้าของบัตรเครดิต เพื่อนในที่ทำงานคนหนึ่งก็ประสบปัญหาเดียวกัน เราทั้งคู่จึงหารายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท พบว่าเป็นบริษัทต่างชาติจากเกาะแห่งหนึ่งแถวอเมริกาใต้ และได้รับอนุมัติให้เข้ามาประกอบธุรกิจในไทยไม่กี่ปีมานี้ผมได้โทรกลับไปที่บริษัทเพื่อขอยกเลิกกรมธรรม์แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยง เจ้าที่คนใหม่อธิบายว่าผมได้รับปากตกลงทำประกันแล้วทางโทรศัพท์ มีเทปเป็นหลักฐาน ..ผมจึงเสียงแข็งใส่ ล่าสุด สัญญาว่าจะส่งเอกสารกลับมาให้เซ็นยกเลิก แต่ไม่ได้ส่ง ผมโทรไปปรึกษาที่หน่วยงานของรัฐ คือสายด่วนประกันภัย....เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า...ตามกฏหมาย เพียงแค่บอกทางโทรศัพท์ ว่า "สนใจ" หรือ "ตกลง" ก็ถือว่าสัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว และผมต้องจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับบริษัทหากต้องการยกเลิกกรมธรรม์เจ้าหน้าที่สายด่วนประกันภัย แนะนำผมว่า หากได้รับโทรศัพท์เสนอขายประกันอีกให้ยืนยันว่าไม่สนใจ หรือไม่ก็ขอให้เขาส่งตัวแทนประกันมาพบเพื่ออธิบายผลประโยชน์"อย่าพูด แม้แต่คำว่า สนใจ เพราะมีผลเป็นสัญญาตามกฏหมาย"ผมขอเสนอเรื่องความโง่ของตัวเองมาเพื่อเป็นอุทธาหรณ์คับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เคยได้รับโทรศัพท์ทำนองนี้เหมือนกัน
ตอบลบบอกสิทธิพิเศษมากมาย แล้วจะขอตัดบัญชีบัตรในเดือนหน้าเลย
..เฮ้ย!!!! ทำอย่างนี้ได้ด้วยเหรอ งงจัง :o
แต่เราก็ใจเย็นพอ บอกว่าให้ส่งรายละเอียดมาให้ดูหน่อย อยากเห็นเอกสารเพื่อขออ่านและศึกษาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจละกัน
คุณเธอก็บอกว่า ไม่เชื่อใจตรงไหน ดิฉันมีเลขขึ้นทะเบียนเรียบร้อยนะคะ
อิอิ แกตื๊อมากๆ
จนในที่สุด ทนฟังไม่ไหว เลยยอมเสียมารยาท บอกไปว่า
"ขอโทษนะคะ ขอวางสายค่ะ"
แฮ่ะๆ โหดไปมั้ยเนี่ย :D