28 เมษายน 2553

บันทึก 1



ขออนุญาตเพื่อนๆ คลายร้อนดับเครียดด้วยเรื่องอื่นๆบ้าง ตอนแรกไม่ตั้งใจจะเขียนเล่าเท่าไหร่ กลัวโดนกัด เพราะเรื่องที่จะเล่าก็มีแต่เรื่องที่ไปไหนต่อไหนมาอ่ะ หาเรื่องอื่นเล่ายังไม่ได้ คราวนี้ก็จะเป็นเรื่องแบบไปวันเดียวอีกเช่นเคยนะ


1 วันกับปารีส

เรื่องของเรื่องคือ เมื่อหลายปีก่อนเคยไปปารีสหนนึงครึ่งวัน แบบมีคนกรุณาขับรถพาไปเที่ยว ไปกินเที่ยงที่โน่นได้ดูหอไอเฟล แต่ไม่ได้ขึ้นไปบนหอนะ ไปเดินเล่นใต้หอแล้วแหงนดูก็พอ ได้ดูประตูชัยแบบขับรถผ่าน ได้ไปเดินย่านมองมาร์ตดูศิลปินและนั่งจิบกาแฟ ได้ไปเดินดูโบสถ์นอตเตรอะดาม แต่ก็ไม่ได้เข้าไปข้างใน เนื่องจากเวลาไม่พอ ดูแม่น้ำแซน ส่วนที่ไม่ค่อยโรแมนติคเท่าไหร่ แล้วก็หมดเวลา

คราวนี้เรามีเวลา 1 วันเป็นวันอาทิตย์ เพื่อนที่สวิสก็ตกลงไปกับเรา เราไปวันเดียวเพราะวันถัดไปต้องทำงานแต่เขาอยู่ต่อ เขาจองตั๋วรถไฟจองที่นั่งให้เสร็จ วันที่ไปต้องตื่นเช้าจับรถไฟจากเมืองบาเซิลที่เราอยู่ ตรงไปปารีสเลย รถไฟด่วนนี้ (TGV high speed train) เขาเพิ่งมีไม่นาน โฆษณาด้วยว่าเร็วมาก ถ้าจำไม่ผิดความเร็วประมาณ 548 กม/ชม ถูกผิดว่าทีหลังละกัน เราใช้เวลาประมาณ 3.5 ชม ก็ถึงปารีสประมาณ 11.30 น. ออกจากสถานีรถไฟก็มึนเล็กน้อย เพราะไม่แน่ใจว่าเราอยู่ตรงจุดไหนของเมือง ต้องออกมาหาแผนที่ดู

จุดประสงค์ที่มาคราวนี้เพราะเราอยากไป Louvre Musuem ไปดูงานศิลปะชั้นครู ก็นั่ง taxi ตรงไปเลย สถานที่เขากว้างมาก แบ่งเป็นส่วนเป็นชั้น แถมเดินหลงได้อีกต่างหาก แบบหาทางไปส่วนอื่นไม่เจอ หรือหาทางขึ้นชั้นสองไม่เจอ อะไรทำนองนี้น่ะ (ปรกติก็หลงบ่อยจนชินแล้วล่ะ) ดูรูปปั้น ภาพเขียนต่างๆ



รูปโมนาลิซ่า ของจริงเล็กๆเอง แต่คนมุงดูเยอะมาก เราต้องแทรกต้องเบียดคนเข้าไปถึงเชือกที่กั้นเลย (ใช้ได้นะ)

ดูรูปปั้นวีนัส แล้วคิดถึงโฆษณาบ้านเราเลย

เราดูโน่นดูนี่ มีนั่งพักกินขนมเล็กน้อย พอดีเราหาภาพเขียนพวก impressionist ไม่เจอ ถามคนที่นั่นเขาก็บอกว่าต้องไปที่ Musee' d'Orsay

เราอยู่ที่ Louvre ถึงบ่ายสามครึ่ง ดูไม่หมดหรอก เพราะเยอะมาก และเรามีเวลาจำกัด ก็เลยออกจากที่นี่ เดินยาวเลียบแม่น้ำ ช่วงนี้วิวสวย ข้ามไปอีกฝั่งเพื่อไปที่ Musee' d'Orsay ที่อยู่เยื้องไปไม่ไกลมากเดินได้



musuem นี้มีภาพเขียนของ Monet, Manet, Degas พวกนี้น่ะ ก็เดินดู จนเวลาประมาณห้าโมงครึ่งเราก็ต้องออกมาเรียก taxi กลับสถานีรถไฟ เพราะรถไฟออกตอน 18.30 น. ต้องหาตู้และหมายเลขที่นั่งด้วย แล้วรถไฟที่ยุโรปออกตรงเวลาเป๊ะ แล้วก็ไม่ได้แวะซื้ออะไรกินด้วย กลับถึงบาเซิลประมาณ 22.00 น. ลืมไปว่าว่าเป็นวันอาทิตย์ ร้านรวงปิดหมด โชคดีที่สถานีรถไฟมี super เปิดอยู่เลยได้ซื้อขนมปังกับแฮมกินก่อนนอนอ่ะ หมดแล้ว 1 วัน

ต่อบันทึก 2 นะ








8 ความคิดเห็น:

  1. อุ๊28/4/53 15:22

    ถ้าเป็นสมัยเด็กๆ หุยคงถูกแม่ดุ "เที่ยวจนไม่ต้องกินข้าวกินปลากัน" 555 แต่มันคุ้มค่านี่เนอะ รออ่านตอนต่อไปจ๊ะ

    ตอบลบ
  2. สมกับที่เฝ้ารอคอย ชอบทั้งเรื่องเล่าและรูปถ่าย

    รีบลงตอนต่อไป อย่าชักช้านะ
    แฟนคลับ

    ตอบลบ
  3. หุยเขียนได้น่าอ่าน - ชวนติดตาม อ่านแล้วก็อยากจะไปเที่ยวแบบหุยบ้าง...

    จะรออ่านทุกเรื่องที่หุยจะเขียน :)

    ตอบลบ
  4. อุ๊ ความจริงคือเด็กๆไม่เคยได้เที่ยวไหนเลยนะ ที่บ้านไม่มีตังค์พอให้เที่ยวไง พอโตเลยต้องหาโอกาสเอาเอง อุตส่าห์ขยันทำงานมาตั้งหลายปี ไม่ได้ลาพักเลยนะ ลูกจ้างแบบนี้หาไม่ได้หรอก 555+

    ตอบลบ
  5. ปู่ รู้ยัง เขาทำ phanthom ภาคต่อแล้วนะ วันก่อนน้องสาวเล่าเรื่องให้ฟัง ลองหาในเน็ตดูนะ

    ตอบลบ
  6. Hui...

    แล้วจะมีเป็นภาพยนตร์ไหมล่ะนี่?...ถ้ามีแต่ละครเวที ปู่ก็คงอด T.T

    ตอบลบ
  7. อุ๊30/4/53 09:08

    นี่แหละน้า..เค้าถึงสอนว่าให้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ได้ผลดีจริงๆ นะหุย เดี๋ยวนี้ท่าน Boss เลยตามใจ staff กิตติมศักดิ์แบบไม่มีหือ 5555

    แต่โรคดื้อของเจ้านายต้องปล่อยเค้าไปเนอะ ห้ามดัดไม้.....

    ตอบลบ
  8. เห็นหุยลงเรื่องนี้แล้ว ทำให้คันมือคันไม้ อยากจะเก็บเรื่องเก่าที่เราไปเที่ยวปารีสมาเขียนบ้างจัง เล่าค้างไว้ในบล็อกคุณมีนายังไม่จบทริปสวิสเลย

    เดี๋ยวไว้หาฤกษ์งามยามดีค่อยมาว่ากันใหม่ดีกว่า :D

    เราชอบที่ Musee' d'Orsay มากนะ คือเป็นพิพิธภัณฑ์ไม่ใหญ่มาก
    คนก็ไม่ค่อยเยอะ เข้าใจว่าส่วนนึง Louvre ดึงคนไปแล้ว คือเดินจนขาลากแล้วก็เลยเดินอีกไม่ไหวน่ะ :P

    อ้อ! นี่ถ้าตาลุง บางพลัด จะเอาเรื่องที่ไปเที่ยวสวิสมาเล่าในบล็อกให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันบ้าง ก็จะถือเป็นการทำบุญให้เพื่อนๆ ที่ไม่ได้ไปได้รับรู้ก็ดีนะจ๊ะ

    ตอบลบ