8 กันยายน 2552

เจียวกู่หลาน

ได้อ่านเรื่องที่นัท ทุ่งครุ แนะนำ เกี่ยวกับ ฟักทองแก้เบาหวาน ก็เลย นึกถึง พืชชนิดนี้
ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ด้วยสมุนไพรที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ การนำสมุนไพรอันเป็นทรัพยากรมีค่าของประเทศมาใช้ประโยชน์ในการสาธารณสุขเป็นสิ่งจำเป็นและเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพสังคมไทย และเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาพื้นบ้านซึ่งเป็นมรดกอันล้ำค่าของประเทศ การพัฒนาการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรมีเป้าหมายเพื่อทดแทนยาแผนปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนการส่งออก และเพื่อขยายการบริโภคสมุนไพรในประเทศ ในการนำสมุนไพรมาใช้ประโยชน์ในระบบบริการสุขภาพอย่างมีคุณภาพและปลอดภัย จำเป็นต้องศึกษาวิจัยอย่างครบวงจร สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ศึกษาวิจัยสมุนไพรมาเป็นเวลากว่า 20 ปี ได้พัฒนาสมุนไพรที่นำไปสู่การใช้ประโยชน์หลายชนิด ล่าสุดได้พบสมุนไพรที่มีศักยภาพสูงสามารถนำไปพัฒนาสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ดีคือ สมุนไพรเจียวกู่หลาน

เจียวกู่หลาน หรือปัญจขันธ์ มีชื่อวิทยาศาสตร์ Gynostemma pentaphyllum Makino วงศ์ Cucurbitaceae เป็นพืชล้มลุกชนิดเถา เลื้อยขนานกับพื้นดิน รากงอกจากข้อ เป็นประเภทแดงน้ำเต้า สมุนไพรชนิดนี้มีการใช้กันมากในประเทศญี่ปุ่นและประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในประเทศจีนใช้เป็นยาต้านการอักเสบ แก้ไอ ขับเสมหะ และแก้หลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง

ในประเทศญี่ปุ่นได้นำมาเตรียมเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ เช่น
- ผลิตภัณฑ์แก้ผมหงอก
- ดับกลิ่นตัว
- เครื่องดื่มสมุนไพร
- อาหารเสริมสุขภาพ
และใช้เป็นสารปรุงแต่งในอาหารเสริมสุขภาพ มีรายงานว่า Gypenosides ซึ่งเป็นสารประเภท saponins ที่พบในสมุนไพรชนิดนี้มีฤทธิ์ลดระดับไขมันในเลือด โดยการเพิ่มค่า HDL และลดค่า LDL เสริมระบบภูมิคุ้มกันทั้งในสัตว์ทดลองและทางคลินิก ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก รักษาแผลกระเพาะอาหาร ต้านการอักเสบ แก้ปวด และยับยั้งการเกาะตัวกันของเกล็ดเลือด
"ผลการวิจัยทางชีวภาพ"
มีรายงานในประเทศจีน ว่า ส่วนก้านและใบของเจี่ยวกู้หลาน มีสารสำคัญ เช่น ซาโปนิน ซึ่งสามารถเสริมภูมิคุ้มกันในสัตว์ทดรองได้ชัดเจนมาก โดยการออกฤทธิ์ต่อต้านฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันของยารักษามะเร็ง เช่น cyclophosphamide ทำให้น้ำหนักอวัยวะที่สร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น เพิ่ม hemolysin เพิ่มจำนวน natural killer cells ซึ่งมีหน้าที่ทำลายเซลล์มะเร็ง และทำให้ผู้ที่ทดลองที่ทานเข้าไปแข็งแรงไม่รู้สึกอ่อนเพลียง่ายและทนทานต่อภาวะ trypoxia
"คุณสมบัติทางเภสัชและคลีนิค"
การศึกษาด้านคลีนิคและด้านเภสัชศาสตร์ พบว่าเจี่ยวกู้หลานเป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัย และใช้รับประทานประจำได้ ไม่ว่าจะใช้ทั้งต้นและใบ หรือทำการสกัดออกมาได้มีการใช้ในโรคต่าง ๆ โรคเรื้อรัง และส่วนกระตุ้นประสาทไม่ทำให้มีความผิดปกติ หรืออาการแพ้ใด ๆ ไม่ว่าจะใช้ทั้งต้นหรือทำการสกัดออกมา โดยจะประกอบด้วยตัวยา 50 ชนิด ซึ่งมีตัวยาที่เหมือนโสมคน 4 ชนิด Rd1 , Rd3 , Rd และ F2 รวมอยู่ด้วย ดังนั้น เจี่ยวกู้หลาน ไม่เพียงมีคุณสมบัติเทียบเท่าโสมคนเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ได้อย่างสบาย โดยไม่ต้องกังวล ต่างจากโสมคน ซึ่งหากใช้เกินขีดปริมาณที่กำหนด อาจเกิดผลข้างเคียงได้ ไม่ว่าจะใช้ทั้งต้นหรือทำการสกัดออกมา แต่ยังสามารถใช้ได้อย่างสบาย โดยไม่ต้องกังวล จากการทดลองพิสูจน์ว่า เจี่ยวกู้หลานที่สกัดออกมานั้นสามารถลดไตรกลีเซอร์ไรล์ ในเลือดของสัตว์ทดลองที่มีไขมันสูงได้ ลดสารที่ได้จากปฏิกิริยาออกซิเดซัน เช่น ลิปิดเปอร์ออกไซด์ คอเลสสเตอรอล ฟอสฟอไลปิด กรดไขมันอิสระ เพิ่มพลังกำลังของหัวใจขาดเลือด ชลอความชรา ยืดอายุของเซลล์ และเพิ่มจำนวนอสุจิ เป็นต้น เจี่ยวกู้หลาน ใช้บำรุงร่างกาย ระงับประสาท ช่วยให้นอนหลับ ลดความตื่นเต้น ลดความดันโลหิต ลดคลอเรสเตอรอล ฟอสฟอไลปีด และกรมไขมันอิสระ ลดน้ำตาลในเลือด ชลอความชรา ยืดอายุของเซลเพิ่มจำนวนอสุจิ รักษาโรคปวดหัวข้างเดียว ช่วยควบคุมน้ำหนักได้โดยไม่ต้องอดอาหาร ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

ในประเทศไทยพบเกิดเองตามธรรมชาติที่ดอยอินทนนท์ ปัจจุบันมีการปลูกที่จังหวัดเชียงใหม่บ้างแต่ยังไม่แพร่หลายนัก เพราะมีปัญหาเรื่องความแข็งแรงของต้นพันธุ์ อีกทั้งเป็นพืชล้มลุกและตายง่าย ในฤดูฝนจะหยุดเจริญเติบโต แต่ส่วนใต้ดินยังเจริญอยู่


กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ดำเนินการศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดเจียวกู่หลานต่อระบบภูมิคุ้มกันแบบอาศัยเซลล์ของหนูถีบจักรที่ถูกกดภูมิคุ้มกันโดยการฉายรังสีแถบแกมมาขนาด 4 Gy ก่อนให้สารสกัดขนาด 32 มก./กก./วัน และขนาด 160 มก./กก./วัน เป็นเวลา 10 วัน พบว่าการแบ่งตัวของลิมโฟซัยท์เมื่อถูกกระตุ้นด้วย PHA, LPS และ ConA กลับสู่สภาวะปกติในวันที่ 15 ของการศึกษา เมื่อทดสอบโดยใช้ mononuclear cells จากกระแสเลือดของคนปกติ พบว่าสารสกัดเจียวกู่หลานช่วยเพิ่มการแบ่งตัวของลิมโฟซัยท์อย่างมีนัยสำคัญที่ความเข้มข้นตั้งแต่ 1 ng/ml ถึง 100 g/ml รวมทั้งแสดงฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์เอชไอวีโปรทีเอสในหลอดทดลองได้ผลดี เมื่อทดสอบความเป็นพิษทั้งพิษเฉียบพลันและพิษเรื้อรังของสารสกัดเจียวกู่หลานในหนูขาว พบว่าสารสกัดเจียวกู่หลานมีความปลอดภัยสูงแม้ว่าจะให้สารสกัดในขนาดสูงถึง 750 มก./กก./วัน

จากการศึกษาความปลอดภัยของสารสกัดเจียวกู่หลานในอาสาสมัครจำนวน 30 ราย โดยกำหนดเกณฑ์คัดเลือกอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการ และเกณฑ์การเลิกการเข้าร่วมการศึกษาอย่างชัดเจน มีการสัมภาษณ์ ตรวจร่างกายและตรวจทางห้องปฏิบัติการทุก 2 สัปดาห์เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงทางโลหิตวิทยา ทางชีวเคมีของซีรัม และต่อระบบภูมิคุ้มกัน โดยมีระยะเวลาศึกษาประมาณ 3 เดือน โดยคัดเลือกอาสาสมัครตามเกณฑ์ที่กำหนด แบ่งอาสาสมัครเป็น 2 ชุดๆละ 15 คน ให้อาสาสมัครชุดที่ 1 รับประทานสารสกัดเจียวกู่หลานแคปซูลครั้งละ 1 แคปซูล (gypenosides 40 มก./แคปซูล) หลังอาหารวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ติดต่อกันนาน 2 เดือน และอาสาสมัครชุดที่ 2 รับประทานสารสกัดเจียวกู่หลานแคปซูลครั้งละ 2 แคปซูล (gypenosides 40 มก./แคปซูล) หลังอาหาร วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ติดต่อกันนาน 2 เดือน เพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการเสริมภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะ ผลการศึกษาพบว่า เมื่อให้อาสาสมัครรับประทานสารสกัดเจียวกู่หลานแคปซูลครั้งละ 1-2 แคปซูล (gypenosides 40 มก./แคปซูล) วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันนาน 2 เดือน มีความปลอดภัย และไม่พบอาการผิดปกติใดๆ ดังนั้นจึงสมควรศึกษาประสิทธิผลทางคลินิกเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพต่อไป


ที่มาของข้อมูล: สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

3 ความคิดเห็น:

  1. หุหุ ไม่รู้จักเจ้าสมุนไพรตัวนี้ ทั้งชื่อจีนชื่อไทยเลยนะเนี่ย
    แต่เรา HDL สูงอยู่แล้ว ไม่ต้องอาศัยตัวนี้ก็ได้ :D

    ตอบลบ
  2. เพิ่งรู้จักตอนนี้เหมือนกันอ่ะ เชยหรือเปล่าเนี่ย -"-

    ตอบลบ
  3. เราว่าสมุนไพร ต้องใช้เวลาในการรักษา ไม่เหมือนยาโดยทั่วไป
    ถ้าสนใจเดี๋ยวจัดให้

    แต่หุย เป็น ปรมาจารย์ แกว่งแขน เคล็ดวิชา 16 ประการ
    และ บนสาม ล่างเจ็ด..ไม่ต้องใช้อยู่แล้ว...นะจินะจิ

    ตอบลบ