หลังจากที่แวบไปปารีสมาแล้ว เราก็ได้เริ่มทำงานจริงๆจังกับเขาแล้ว ไม่เล่าเรื่องงานล่ะ เพราะไม่เกี่ยวกับเรื่องเที่ยว อิอิ แต่ในระหว่างนั้นก็มีนัดเจอ ลุงบางพลัดกับขวัญใจของลุง ที่บอกเราว่าไปทำงานแล้วพ่วงเที่ยวด้วย ตอนแรกเห็นว่าจะทำงานสองวันที่เหลือเที่ยวห้าวัน แต่ไปไปมามาเห็นว่าหดทำงานเหลือวันเดียวเที่ยวหกวันอ่ะ 555+ เพื่อนๆไปตามเรื่องจากลุงเอาเองนะ
เมือง Basel ที่เราไปอยู่นั้น ปรกติเป็นเมืองเงียบ สิ่งที่หล่อเลี้ยงเมืองนี้คืองานแสดงสินค้า ซึ่งต้องยกนิ้วให้เขา เพราะเขาประสบความสำเร็จมาก ปีๆนึงมีงานแสดงสินค้าหลายสิบงาน แต่งานใหญ่ๆเลยคืองานที่เราทำ และงานแสดงศิลปะมีประมาณเดือนมิถุนาโน่น ตอนที่เราไปถึง เมืองยังปรกติไม่มีชีวิตชีวาเท่าไหร่ พอถึงวันก่อนวันงานแสดงสินค้า จะเห็นความเปลี่ยนแปลงทันที คือเมืองเต็มไปด้วยผู้คน ร้านอาหารมีคนมากมาย บางร้านไม่จองไม่ได้กินอ่ะ และพองานจบ วันรุ่งขึ้นแทบไม่มีคนเหลือเท่าไหร่เลย ทุกอย่างกลับสู่สามัญความเงียบเหมือนเดิม เมืองนี้เป็นเมืองเก่า คงความสวยงามแบบยุโรป แต่มีร้านรวง brandname ให้ช็อปเหมือนกัน ร้านค้าปิดเร็ว วันอาทิตย์ไม่ต้องหา ไม่เหมือนบ้านเราเปิดเช้าถึงดึกๆทุกวัน ตอนนี้ดูเหมือนชาวโลกรู้หมดแล้วว่าคนไทยชอบ shopping อ่ะ
อาหารเขาก็เป็นแบบตะวันตก ชีสฟองดูว์เขาอร่อยนะ แต่คงมีหลายคนที่ไม่ชอบชีสก็จะไม่ชอบกิน เราไปอยู่ที่โน่นจะไม่ได้กินอาหารเอเชียหรือ fastfood เลย กินแต่อาหารตะวันตก ส่วนพวกฝรั่งที่โน่นก็ชอบกินอาหารไทย อาหารญี่ปุุ่น ฮิตมากเลยที่โน่น แต่ความอร่อยสู้ต้นฉบับบ้านเราไม่ได้หรอก เจ้านายชอบพูดว่าไปเมืองไหนก็ต้องกินอาหารเมืองนั้น อาหารไทยกลับกินบ้าน
Switzerland ประกอบไปด้วย 26 cantons แต่ละ canton จะมีสัญญลักษณ์ประจำเมืองตัวเอง อย่าง Basel มีสัญญลักษณ์เป็นรูปร่ม เมืองหลวงคือ Bern มีสัญญลักษณ์เป็นรูปหมี ประเทศนี้ไม่ได้อยู่ในอียู ยังใช้เงินสกุลของตัวเองคือสวิสฟรังส์ แต่ก่อนคนไทยจะไปเที่ยวประเทศนี้และประเทศอื่นในอียู ต้องขอวีซ่าสวิสและวีซ่าเชงเก้น แต่ปัจจุบันเขามีข้อตกลงเข้าร่วมในกลุ่มเชงเก้น เราจึงสามารถขอวีซ่าเชงเก้นแล้วใช้ได้ทุกประเทศในอียู (ประหยัดเงินไปเยอะเลย)
ที่นี่เขาใช้หลายภาษาเหมือนกัน ที่ Basel เห็นใช้กันมากคือ สวิสเยอรมัน (ไม่ใช่เยอรมันตรงๆนะ เป็นแบบผสมน่ะ) ภาษาฝรั่งเศส บางที่ก็ใช้ภาษาอิตาเลียนด้วย ส่วนภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรง เนื่องจากพรมแดนด้านบนติดเยอรมนี ด้านซ้ายติดฝรั่งเศส ด้านขวาติดออสเตรีย ด้านล่างติดอิตาลี การเดินทางภายในตัวเมือง ระหว่างเมือง หรือข้ามประเทศสะดวกมากกกกกก รถรางรถไฟตรงเวลาเป๊ะไม่มีรอแบบบ้านเรา ถ้าพลาดก็รอไปเที่ยวต่อไปได้เลย ตารางเวลาออกมาล่วงหน้าแบบไม่ต้องห่วง วางแผนไปไหนมาไหนได้สบายมาก ไม่เหมือนบ้านเรา (ไม่อยากเปรียบเทียบ แต่อดไม่ได้อ่ะ) นอกจากนี้ที่ยุโรปเองก็ชอบใช้ low cost airlines ด้วยนะ บินกันสนุกสนาน บางเที่ยวบินถูกมาก เราเองยังมีใช้บริการเลย (จะเล่าตอนถัดไป)
สนามบินที่ Basel จะมีทางออกฝั่งสวิส ฝั่งฝรั่งเศสและฝั่งเยอรมัน ถ้าไม่ดูดีๆก็เดินออกผิดฝั่งได้อ่ะ (จะเกิดขึ้นกับคนตาไม่ดีแบบเราเท่านั้นมั้ง) ไม่ไกลจากสนามบินจะมี casino อยู่ เราก็ลองเข้าไปดู ต้องพก passport ติดตัวเข้าไปด้วยเพราะเขาตรวจ เข้าไปเดินดู เห็นเขาเล่นแทงกันก็ดูน่าไปเล่นด้วยแต่เสียดายตังค์อ่ะ เราไปยืนดูวงแบล็คแจ๊คอยู่วงนึง ดูคนเล่นก็ลุ้นกันดี มีสาวไทยอายุเยอะแก่กล้าไปเล่นอยู่ด้วย ที่รู้เพราะได้ยินภาษาไทยลอยมา เห็นเก็งแทงกันดูก็สนุกกันดีท่าทางคงคุ้นเคยการเล่นมานาน รอบๆก็ฝรั่งทั้งนั้นมีแต่เราหน้าตาจีนๆเหวอๆอยู่คนเดียวแถวนั้นอ่ะ
อย่างที่บอกคือจะเดินทางจากเมืองนี้ไปเมืองอื่นๆสะดวกมาก วันรุ่งขึ้นหลังจากทำงานจบแล้ว มีน้องคนนึงมีกำหนดบินกลับตอนเย็น เรากับเพื่อนเราที่โน่นก็เลยตกลงกันว่าจะพาน้องคนนี้ไปเดินเล่นที่ Zuerich ก่อนแล้วค่อยไปสนามบิน เครื่องเขาออกที่สนามบินซูริค ส่วนเราสองคนก็กลับ Basel วันนั้นเรานั่งรถไฟ 1 ชม. น้องที่ไปด้วยนั่งชื่นชมวิวสองข้างทางที่รถไฟผ่าน วิวที่เห็นก็คุ้มแล้วเราไปถึงซูริคตอนเที่ยง พากันไปเดินที่ Bahnhofstrasse ถนนช็อปชื่อดัง แต่อากาศไม่เป็นใจ ฝนตก หนาวมากกก เราก็ยังเดินดูโน่นนี่สองข้างทาง ตรงไปเรื่อยๆ มีแวะร้านช็อคโคแลตชื่อดัง Spruengli พักจิบกาแฟกินขนม (อร่อยมากขอบอก) แล้วเดินต่อไปจนสุดเจอ lake วิวสวยงาม เดินเลาะทะเลสาบซูริคไปทางซ้ายเรื่อยๆ ข้ามสะพาน จะเข้าเขตเมืองเก่า เดินไปเรื่อยๆ ดูบ้านเมืองเขา ดูโบสถ์สวยงาม แวะร้านขายของที่ติดป้าย sale บ้าง อดไม่ได้อ่ะ ร้านรองเท้า สวยและราคาใช้ได้ แต่กระเป๋าเต็มไม่มีที่และน้ำหนักน่าจะเกินแล้ว เลยต้องตัดใจ ไว้ปีหน้าละกัน...เวลาหมดอีกแล้ว
ต่อบันทึก 3 นะ
28 เมษายน 2553
บันทึก 2
เมืองบาเซิล - ซูริค
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
อิจฉาจัง อยากไปมั่ง
ตอบลบเขียนและเล่าเรื่องจนอยากจะไปอีก
เราก็เคยไปเที่ยวตอนยังเอ๊าะ ๆ อะนะ
โชคดีที่หุยได้ทำงานลักษณะแบบเนี้ย
เลยมีโอกาสเที่ยวตลอด
รีบ ๆ ส่งบันทึก 3 นะจ๊ะ รออ่านจ้า
แฟนขับ 555555555
คนนี้ขับให้แฟน(ขับรถ) แต่ก็อยากอ่านบันทึก 3 เหมียนกัลป์...
ตอบลบในบล็อกของเรา มีเรื่องสนุก ๆ ให้อ่านแบบนี้ ทำให้คึกคักดี...ไม่เงียบเหงา.
จริงอย่าง vat ว่า เราว่าจะมีสักกี่คนนะที่จะโชคดีได้ทำงานที่ตัวเองรักและได้ท่องเที่ยวไปด้วยในตัว ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ว่าแต่สถานที่ๆ หุยเคยไปๆ มานี่ มีที่ไหนที่เคยไปซ้ำบ้างมั๊ย แบบว่า ไปแล้วก็ยังอยากไปอีก
ตอบลบหุยเขียนเรื่องสนุกดีจ๊ะ รออ่านต่อ
อ่านแล้วเหมือนไปเอง...เสียดายอย่างเดียว..ไม่ได้ไปด้วย555
ตอบลบถ้ามีโอกาสไปสวิสอีก ก็คงจะเพิ่มเมืองบาเซิลที่ยังไม่เคยไปบ้างล่ะ
ตอบลบแต่ซูริคเนี่ย มีโอกาสก็คงผ่านเลย เพราะไปเก็บเกี่ยวแล้ว คิดว่าไม่ประทับใจมากพอจะไปรอบสองน่ะ แต่ถ้าหุยจะหาเด็กติดตามหิ้วของไปฟรีๆ เราก็จะเปลี่ยนใจรีบอาสาไปด้วยอ่ะ คิคิ
เนี่ยมีอยู่เมืองนึงที่เรายังไม่เคยไปเลย คือเจนีวา ว่าจะไป ว่าจะไป ยังไม่ได้ไปเลยนะ ยังไม่รู่้เมื่อไหร่
ตอบลบส่วนสถานที่ที่ไปแล้วแล้วไปซ้ำอีกก็ยังชอบ ขอบอกว่าเป็นอิตาลีอ่ะ เราไปดูงานแสดงสินค้าที่จัดที่อิตาลี เสร็จแล้วก็แวะ (ของตาย) เวนิส เราชอบที่นี่มากนะ ไปสามรอบแล้ว มีไปฟลอเรนซ์ 2 ครั้ง ไปโรม 1 ครั้ง ตอนนี้ดูแลงานแสดงสินค้าที่สวิส เลยไม่ได้ไปอิตาลีอีกเลย ถ้ามีโอกาสก็จะไปโรมอีก หรือไปทางใต้แถบเนเปิล นาโปลี คาปรีอ่ะ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ ว่าแล้วเราก็อยากไปแล้วเนี่ย...
ตอบลบ